Loading...
Loading...
Loading...

077-276-999

    

พบอุบัติการณ์ประมาณ 1-5 ราย ต่อประชากร 100,000 คนต่อปี ผู้ป่วยส่วนใหญ่อายุอยู่ระหว่าง20-50 ปีพบในผู้หญิง บ่อยกว่าผู้ชาย

อาการของเส้นประสาทตาอักเสบมี classic triad ดังนี้

1. ตามัวลงข้างเดียวแบบกึ่งเฉียบพลัน (subacute monocular visual loss) ตาจะเริ่มมัวลงภายในระยะเวลาหลายชั่วโมงถึงหลายวันและมัวมากที่สุดในช่วง 1-2 สัปดาห์
2. ปวดตาเวลากลอกตา (pain on eye movement) เป็นอาการที่พบได้ถึง92%) มีลักษณะปวดตื้อ ๆ รอบตา กลอกตาแล้วปวดมากขึ้น
3. มองเห็นสีผิดปกติ (dyschromatopsia)

การตรวจวินิจฉัย

แพทย์ทำการตรวจตา ตรวจลานสายตา (visual field test) ทดสอบสี (color test) และส่งตรวจ optical coherence tomography (OCT) เพื่อดูความหนาของเส้นประสาทตา ถ้าเข้าได้กับลักษณะโรคเส้นประสาทตาอักเสบ พิจารณาเจาะเลือด เจาะไขสันหลัง เอ็กซเรย์สมอง (MRI brain and orbit c GAD) และทำการรักษาต่อไป

แหล่งที่มา : แนวทางการดูแลผู้ป่วยกลุ่มโรคปลอกประสาทของระบบประสาทส่วนกลาง สำหรับแพทย์ โดยสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์

โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก พบได้ทั้งหญิงชายโดยเฉลี่ยอายุประมาณ 20 - 60 ปี คนไข้จะเริ่มด้วยอาการกระตุกของกล้ามเนื้อบริเวณใต้ลูกตาข้างใดข้างหนึ่ง จากนั้นอาจเป็นมากขึ้นจนทำให้เกิดการกระตุกที่มุมปากและในที่สุดจะมีการกระตุกทั้งซีกบริเวณใบหน้า

สาเหตุของโรคหน้ากระตุก

ปัจจุบันจะไม่รู้ว่าสาเหตุแน่ชัด แต่มีข้อสันนิษฐานว่า อาจจะเกิดเส้นเลือดที่บริเวณก้านสมองไปกดทับเส้นประสาทสมองเส้นที่ 7 ซึ่งเป็นประสาทที่มาควบคุมกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าตลอดเวลา จึงทำให้เกิดใบหน้ากระตุกครึ่งซีก

การรักษาโรคหน้ากระตุก
  1. ยา มีผลข้างเคียงค่อนข้าง ผู้ป่วยอาจจะง่วงนอน และไม่สามารถปฏิบัติภารกิจประจำวันได้ ขณะเดียวกันผลของการควบคุมการกระตุกของกล้ามเนื้อใบหน้าพบว่ามีประสิทธิผลเพียงร้อยละ 30 เท่านั้น
  2. ฉีดสารโบทูลินัม ซึ่งขณะนี้เป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุด มีผลให้การกระตุกของกล้ามเนื้อลดลง อย่างไรก็ตาม วิธีดังกล่าวเป็นการรักษาตามอาการ ผู้ป่วยต้องมาฉีดสารโบทูลินัมทุก ๆ 3 - 6 เดือน ตามระยะเวลาของยาที่ออกฤทธิ์ ซึ่งการรักษาโดยวิธีนี้ได้ผลราวร้อยละ 85
  3. การผ่าตัด ถือเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงสูง เพราะอาจเกิดผลแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิต

แหล่งที่มา : บทความ เมื่อใบหน้ากระตุกครึ่งซีก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

โรคตากระตุกเป็นอาการบีบตัวของกล้ามเนื้อรอบๆ ลูกตาทั้ง 2 ข้าง มากเกินไป ทำให้เกิดการกะพริบตาถี่ ๆ หรือหนังตาปิดชั่วคราว ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจทำให้ลืมตาได้ลำบากและไม่สามารถมองเห็นได้ มักพบได้บ่อยในคนอายุ 50-60 ปี โดยพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย

สาเหตุของโรคตากะพริบหรือตากระตุก

ปัจจุบันจะไม่รู้ว่าสาเหตุแน่ชัด ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการตากระตุก เช่น นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด การดื่มชา/กาแฟหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป การสูบบุหรี่มากเกินไป แสงสว่างจ้า ลม มลพิษทางอากาศ หรือโรคภูมิแพ้

การรักษาโรคตากะพริบหรือตากระตุก

หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นในรายที่มีอาการมาก ทำการฉีดโบทูลินัมท็อกซิน ซึ่งขณะนี้เป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุด มีผลให้การกระตุกของกล้ามเนื้อลดลง โดยทั่วไปยามักออกฤทธิ์ประมาณ 3-4 วันหลังฉีดและมีผลอยู่ได้นาน 3-4 เดือน






SURAT EYE HOSPITAL

โรงพยาบาลจักษุสุราษฎร์

โรงพยาบาลเฉพาะทางดูแลทางด้านดวงตา โดยจักษุแพทย์ที่มีมาตรฐานวุฒิบัตรวิชาชีพ
มีประสบการณ์ มีความมุ่งมั่น ห่วงใยและใส่ใจในการตรวจรักษา ดูแลและให้คำปรึกษาผู้เข้ารับบริการ อย่างครบวงจร


OPENING HOUR

สามารถติดต่อเข้ารับการรักษาได้ตามเวลา

จันทร์ - ศุกร์

08:00 - 20:00 น.

เสาร์ - อาทิตย์

08:00 - 16:00 น.

44/1 ถนนศรีวิชัย ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี 84000

surateyehospital@gmail.com

077-276-999, 099-048-6660

@surateyehospital

ระบบสารสนเทศโรงพยาบาล